Tuesday, May 12, 2015

Chapter 7

แฟนอาร์ตจีดีวาดเล่นๆดันออกมาดูดีในความคิดตัวเองนะ5555


#ฟิคใต้ดินนซ


จากนี้ไปจะค่อยๆ เข้าสู้เนื้อเรื่องจริงๆ แล้วนะ
คือไรท์เป็นคนฮาร์ดคอร์นิดนุง -.,- ชอบความรุนแรงนิดหน่อย
ไม่ค่อยชอบอะไรที่อ่อนโยนแต่ก็มีบาง
ฟิคตอนนี้อาจจะมีหลายๆ อารมณ์หน่อยนะ55555





Chapter 7


            ตืด...ตืด...
           
            แทฮยอนที่กำลังทำอาหารเช้าอยู่เดินไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะกินข้าวขึ้นมารับ

            “พี่ไปหานัมตอนนี้ได้ไหม?”

            “หือ? ขอโทษนะพี่จินอู แต่วันนี้จุนฮเวมาที่บ้านอ่ะ วันอื่นได้ไหม?”

            “ห้ะ? แฟนเก่านัมอ่ะนะ เลิกคุยกันไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”

            “ไม่ได้เลิกคุยนะ ก็แค่ไม่ได้คุยกันเฉยๆ” พูดแล้วก็พลิกเบค่อนและฮอทดอกไปมา พลางตักไข่ดาวที่สุกแล้ววางไว้บนจานใบใหญ่ จากนั้นจึงหยิบพริกไทยมาเหยาะเล็กน้อย “พี่เถอะ จะมาทำไมเหรอ?”

            “อ้าว น้องคนนี้นี่ พี่ไปนั่งเล่นเฉยๆ ไม่ได้เหรอ?” คนเป็นพี่ที่เป็นต้นสายทำเสียงน้อยใจ “ก็วันนี้ซึงฮุนกับซึงยุนออกไปเที่ยวกันทั้งสองคนเลยนี่นา”

            “ละ แล้วพี่มิโนล่ะ?” แทฮยอนเบาไฟที่เตาให้อ่อนๆ ก่อนจะหันมาตั้งใจคุยกับจินอู

            “นี่เป็นแฟนประสาอะไรทำไมไม่รู้” จินอูถามนัมแทฮยอนที่ยืนถือโทรศัพท์เงียบไม่พูดอะไร เมื่อเงียบไปนานคนเป็นพี่จึงจับผิดความผิดปกติได้ “ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า?”

            “อะไรอ่ะพี่จินอู?” แทฮยอนแกล้งทำเป็นไขสือเหมือนไม่รู้เรื่องอะไร

            “มิโนโกรธเราหรือเราที่โกรธมิโน?” และนี่เป็นอีกครั้งที่แทฮยอนเงียบไป “แน่นอนเลย.. ไปทำอะไรให้เขาโกรธล่ะนั่น?”

            “...”

            “ได้...เรื่องแค่นี้มีความลับกับพี่ งั้นต่อจากนี้ไม่ต้องออกไปเที่ยวกันเลย ไม่ต้องมาคุยด้วย เจอกันที่มหาลัยก็ทำเป็นไม่รู้จักกันนะ จินอูพูดขู่คนเป็นน้อง เพราะเขารู้ว่าคนที่สนิทที่สุดสำหรับนัมแทฮยอนคือจินอู เขาจึงงัดไม้ตายออกมาใช้

            “พี่จินอูอ๊ะ!”

            “อะไรล๊ะ!”

            “พี่มิโนแหละเป็นคนผิด! นัมไม่ได้นอกใจพี่มิโนซะหน่อย พี่มิโนแหละเข้าใจผิดเอง จุนฮเวกับนัมไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนะ อีคนซื่อบื้อเอ้ย!! โอ้ย!!” ไม่แน่ใจว่านี่คือการเล่าเรื่องหรือระบายอารมณ์กันแน่ แต่เมื่อแทฮยอนพูดจบก็กดวางสายทันทีแล้ววางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะแบบเดิมอย่างแรง ร่างสูงบางยืนหายใจแรงด้วยอารมณ์ที่บอกไม่ถูกอยู่คนเดียวที่หน้าเตาแก๊ส แต่อยู่ๆ เสียงออดที่หน้าประตูก็ดังขึ้นมาขัดอารมณ์ในตอนนี้ แทฮยอนเดินออกไปเปิดประตูด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง

            “เอ่อ...”

            “เข้ามาก่อนสิ” แทฮยอนเชิญอีกฝ่ายให้เข้ามาในห้อง ไม่แม้แต่จะเหลียวมองแขกผู้มาเยือนแต่กลับเดินดุ่มๆ เข้าไปในห้องครัว และจุนฮเวที่เดิมตามเข้าไปติดๆ  เห็นร่างบางกำลังยืนทำอาหารอย่างไม่สบอารมณ์ จุนฮเวเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะอาหารก่อนจะนั่งสังเกตร่างบางที่ไม่ค่อยจะมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ทำอยู่เลย ไม่นานนักแทฮยอนก็ถือจานที่ทำอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้วมาวางไว้หน้าจุนฮเวก่อนจะหย่อนก้นลงนั่งตรงกันข้ามกับอีกคน

            “พี่เป็นอะไรของพี่เนี่ย?”

            “เปล่า แค่อารมณ์ไม่ค่อยดี”

            “ผมคบกับพี่มาตั้งแต่พี่อยู่ ม.4 ยัน ม.6 นะ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าหน้าบึ้งแบบนี้จะไม่เป็นอะไร” จุนฮเวยื่นมือไปบีบแก้มนิ่มตามความเคยชิน พร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย ขนาดแทฮยอนเองยังแอบใจสั่นกับรอยยิ้มของเด็กคนนี้เลย
           
            ร่างบางกว่าที่นั่งตรงข้ามทำเป็นหลบตาไปทางอื่นเพราะไม่อยากให้คนเป็นน้องจับได้ว่าตัวเองกำลังอารมณ์เสียเรื่องมินโฮ

            “ไม่ต้องมาทำหลบตาเลย พี่อ่ะ” จุนฮเวเอานิ้วดันหัวคนเป็นพี่เบาๆ

            “อือ..” แทฮยอนถอนหายใจออกมาแล้วยู่ปาก

            “เรื่องไอ้แฟนตัวดำๆ ของพี่นั่นใช่ไหม?”

            “ไปเรียกเขาแบบนั้นได้ไงเล่า! เขาชื่อซงมินโฮนะ” แทฮยอนดันเหม่งจุนฮเวคืนไปทีนึงแรงๆ

            “แน่นอนเลย เพราะผมใช่ไหม?”

            แทฮยอนเงียบ

            “ใช่...ไหม?” จุนฮเวเน้นเสียงให้หนักแน่นขึ้นพร้อมกับทำหน้าจริงจังใส่แทฮยอนจนอีกอีกฝ่ายถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย ถึงจุนฮเวจะหล่อแค่ไหนแต่หน้าตาของเขาก็โหดใช่ย่อย บางคนเห็นเขาเดินมาเฉยๆ ยังนึกว่าโกรธใครมาเลย แม้กระทั่งแทฮยอนในตอนแรกเองที่เห็นจุนฮเวก็ยังแอบกลัวๆ

            “อะ อื้อ..” แทฮยอนก้มหน้าลงเล็กน้อย แต่เมื่อหลุบตาขึ้นไปมองอีกฝ่าย แทนที่จุนฮเวจะรู้สึกเป็นกังวลที่ทำให้คู่รักทะเลาะกันแต่เจ้าตัวกลับเผยรอยยิ้มสะใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด

            “เลิกหลบตาผมได้แล้วน่า ผมไม่ได้จะกินพี่นะ” แทฮยอนเงยหน้าขึ้นมาแล้วเบะปากใส่จุนฮเว “พี่นี่น่ารักไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ นะ ไม่ว่าใครเห็นก็หลงทั้งนั้นแหละ รู้ตัวรึเปล่า?”

            “พูดมาก กินไปเถอะน่า”

            “พี่ไม่กินเหรอ?”

            “ไม่อ่ะ เห็นนายมาแต่เช้าคิดว่าคงไม่ได้กินมาเลยทำให้กินอ่ะ ฉันไปอาบน้ำแป๊บนึงนะ” แทฮยอนลุกออกจากโต๊ะก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้อง จากนั้นจุนฮเวที่นั่งอยู่กับโต๊ะก็ลุกตามไปด้วยติดๆ โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว

            แทฮยอนค่อยๆ ถอดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองออก แต่ทว่ายังถอดไม่เสร็จดีจุนฮเวที่ไม่รู้ว่าเข้ามาตอนไหนก็กอดจากด้านหลัง คนที่ถูกกอดอยู่สะดุ้งเบาๆ แต่เมื่อจะหันไปห้ามปรามก็เปลี่ยนใจซะก่อน เพราะคนเป็นน้องเอาคางมาเกยไว้ที่บ่าตัวเอง มีหวังหันไปหน้าได้โปะกันแน่นอน

            “ทำอะไรเนี่ย เราไม่ใช่แฟนกันแล้วนะ”

            “ไม่เห็นจะเป็นไรเลย รู้ไหมว่าตอนที่พี่เมาพี่ปล่อยให้คนอื่นเกือบปล้ำไปตั้งกี่คน” พูดจบก็ก้มลงเอาหน้าซุกคอขาวแล้วสูดดมกลิ่มตัวหอมของอีกคนเข้าไปเต็มปอด มือที่โอบเอวอยู่ดีๆ ก็ซนเริ่มลูบไล้ไปตรงอื่นบ้าง

            “จะไปรู้ได้ไงเล่า” แทฮยอนตีมือหนาไปเบาๆ หนึ่งทีพร้อมกับขยับตัวไปมาเล็กน้อย “แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้เมานะ เด็กบ้าเอ้ย” แทฮยอนดันหัวจุนฮเวไปทางอื่นแรงๆ ก่อนจะหันหน้าไปหาตรงๆ แต่ก็โดนคนเป็นน้องรวบเอวบางเข้าไปหาตัว นั่นก็เหมือนกับว่าเขาเผลอปล่อยโอกาสให้เด็กคนนี้ได้ลวนลามง่ายขึ้น

            “หัดเป็นคนชอบขัดขืนตั้งแต่เมื่อไหร่หืม?”

            “ไม่ได้ขัดขืนซะหน่อย” แทฮยอนพองแก้มก่อนจะเหล่ตาไปทางอื่น จุนฮเวยิ้มให้กับความน่ารักของอีกคน สายตามองต่ำลงไปสังเกตเห็นเสื้อของแทฮยอนที่ยังถอดกระดุมไม่เสร็จดีจึงเหมือนเสื้อจะหลุดออกมาไม่หลุดมายังไงยังงั้น

            “เซ็กซี่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ”

            “เหรอ~” แทฮยอนดีดเหม่งเด็กขี้เต๊าะไปหนึ่งที “ปล่อยได้รึยังจะไปอาบน้ำแล้ว อ๊าย!” ไม่ทันไรจุนฮเวก็ก้มหน้าลงไปดูดดุนอกขาวหนึ่งทีจนเกิดเสียงดังจ๊วบ “ทำบ้าอะไรของนายเนี่ยไอ้หน้าโหดเอ้ย เป็นรอยหมดเลย”

            “ยังน้อยกว่ารอยตามตัวพี่เยอะเลย เนี่ยๆ” พูดแล้วก็เอานิ้วจิ้มไปตามส่วนต่างๆ ที่มินโฮเคยฝากรอยเอาไว้และมันยังไม่ทันจางดีเลย




            มินโฮตื่นขึ้นมาเตรียมจะไปหมาวิทยาลัยแต่เช้า เขาพยายามไม่นึกถึงเรื่องของแทฮยอนตลอดที่ทำกิจวัตรในตอนเช้า แต่เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่ารายงานที่ต้องเอาไปส่งอาจารย์วันนี้อยู่ที่คอนโดฯ ของแทฮยอนในกระเป๋าเป้ รู้สึกว่าไม่อยากไปเอาเท่าไหร่ ไม่ใช่ไม่อยากไปเอา...ไม่อยากไปเจอหน้าแทฮยอนต่างหาก เพราะถ้าเจอแล้วก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงเหมือนกัน แต่คราวนี้มันจำเป็น และมินโฮก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ

            เมื่อรู้ว่าไม่มีทางเลือกจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วหยิบกุญแจรถที่หัวเตียงเดินลงบันไดบ้านไป คนแรกของวันที่เขาเห็นหน้านั้นไม่ใช่จียงคนเป็นพ่อ แต่กลับเป็นซึงฮยอนที่กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเมื่อคืนนี้ต้องค้างที่นี่แหงๆ เพราะดูจากชุดที่ใส่ยังเป็นชุดนอนอยู่เลย เมื่อหันไปอีกทางก็เจอจียงกำลังยืนทำอาหารเช้าอยู่

            “ว่าไงมิโน...”

            “ใครใช้ให้คุณเรียกชื่อผมแบบนั้น” ไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่มันกลับเหมือนประโยคบอกห้ามมากกว่า มินโฮพูดออกมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง จียงที่ได้ยินเสียงคนเป็นลูกก็รีบปิดเตาแก๊สแล้วหันมาหาทันที

            “มิโนพูดแบบนั้นได้ไง เอ่อ.. จะกินอะไรหน่อยไหม?” จียงถอดผ้ากันเปื้อนแล้วเดินออกมาจากห้องครัว มินโฮยืนนิ่งมองจียงและซึงฮยอนสลับกันไปมาโดยที่ไม่ได้พูดอะไร

            “ขอโทษครับ ผมไม่กินข้าวกับคนไม่รู้จัก” พูดจบก็เดินออกจากบ้านไปโดยที่ไม่แม้แต่จะมองหน้าคนเป็นพ่อสักนิดเดียว จียงยืนมองมินโฮที่เดินออกไปด้วยสายตาเป็นห่วง ร่างบางกัดริมฝีปากและกำมือตัวเองแน่น ซึงฮยอนที่สังเกตเห็นว่าจียงเริ่มท่าไม่ดีแล้วจึงยื่นมือไปกุมไว้



            มินโฮขับรถตรงไปยังคอนโดฯ ของแทฮยอนอย่างไม่สบอารมณ์ เช้านี้แค่เรื่องของคนที่ชื่อว่าซึงฮยอนก็ทำให้เขาเสียสุขภาพจิตมากพอแล้ว คนอย่างมินโฮโตแล้ว และไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้ว่าเรื่องระหว่างคนสองคนมันเป็นยังไง

            ขับรถมาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็เข้ามาจอดที่ลานจอดรถของคอนโดฯ

            มินโฮในชุดนักศึกษาค่อยๆ เดินไปตามทางเพื่อไปยังห้องของแทฮยอน แต่เมื่อมาคิดดีๆ ระหว่างทางที่เดินไป เมื่อคืนนี้เขาอาจจะใช้อารมณ์มากไปก็ได้ อาจจะหึงหวงมากเกินไป จุนฮเวมันก็แค่แฟนเก่าก็คงไม่มีอะไรอยู่แล้ว แฟนเก่าที่กลับมาคุยกันได้ก็น่าจะสนิทกันเป็นธรรมดา แค่เข้าไปในห้องแล้วขอโทษแทฮยอนจะได้คืนดีกันและก็ไม่ต้องมามองหน้ากันไม่ติด...

            ประตูเปิดไว้?

            “ไม่อ่ะ เห็นนายมาแต่เช้าคิดว่าคงไม่ได้กินมาเลยทำให้กินอ่ะ ฉันไปอาบน้ำแป๊บนึงนะ”

            เสียงนัมคุยกับใคร?

            มินโฮค่อยๆ แง้มประตูเข้าไป เห็นมีรองเท้าของใครไม่รู้ถอดเอาไว้ที่หน้าห้อง

            “ทำอะไรเนี่ย เราไม่ใช่แฟนกันแล้วนะ”

            มินโฮขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุมปากด้วยอารมณ์ที่อธิบายไม่ถูก ร่างสูงค่อยๆ เดินเข้าไปเห็นประตูห้องเปิดไว้เกือบทั้งบาน

            “ยังน้อยกว่ารอยตามตัวพี่เยอะเลย เนี่ยๆ” จุนฮเวเอานิ้วมาจิ้มตามตัวของแทฮยอนที่มีรอยแดงที่มินโฮเคยฝากเอาไว้ มินโฮกัดฟันแน่นด้วยความโกรธก่อนจะเดินดุ่มๆ เข้าไปผลักจุนฮเวให้ออกจากตัวของแทฮยอน มินโฮกำลังจะพุ่งหมัดไปที่หน้าของจุนฮเวแต่ก็โดนแทฮยอนคว้าแขนเอาไว้ก่อน

            “อย่าทะเลาะกันสิ!” มินโฮสะบัดแขนแทฮยอนให้ออกจากแขนของตัวเองอย่างแรงแล้วหันหน้าไปหน้าจุนฮเวที่อยู่อีกฝั่ง

            “มึงกล้าดียังไงมายุ่งกับเมียกูวะ”

            “เรื่องของกูปะล่ะ?” คำพูดของจุนฮเวยั่วโมโหมินโฮได้เป็นอย่างดี มินโฮโผเข้าไปกระชากคอเสื้อของจุนฮเวขึ้นมา

            “มึงจะเอาใช่ไหม? มึงจะเอาใช่ไหม!!” มินโฮชกที่หน้าของจุนฮเวหนึ่งที แน่นอนว่าอีกฝ่ายต้องไม่ยอมแน่ จุนฮเวถีบท้องของมินโฮจนเซไปข้างหลังจากนั้นจึงพุ่งเข้าไปต่อยอย่างแรงเช่นกัน

            “พอได้แล้ว!”

            ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ไม่ฟังเสียงของแทฮยอนทั้งนั้น จนตอนนี้ทั้งมินโฮและจุนฮเวเริ่มมีบาดแผลบนใบหน้า เมื่อใช้เสียงห้ามอย่างเดียวไม่ได้จึงเข้าไปจับแขนมินโฮไว้ แต่เช่นเคย แทฮยอนโดนสะบัดออก แต่คราวนี้ถึงกับล้มตึ้งลงไปกับพื้น แต่ก็ไม่มีใครหยุดและสนใจเลย ตอนนี้มินโฮเป็นฝ่ายรุกนั่งคร่อมจุนฮเวที่นอนอยู่กับพื้น หมัดหนักๆ ปล่อยลงบนใบหน้าสองสามครั้ง ก่อนที่ตัวเองจะเสียหลักเซออกจากตัวของจุนฮเวเพราะแทฮยอนเข้ามาผลักเขาอย่างแรง เห็นแบบนี้แต่แทฮยอนก็ไม่ใช่คนที่แรงน้อยๆ เช่นกัน

            “เป็นบ้าไรวะพี่มิโน!!” แทฮยอนตะโกนใส่คนตรงหน้า มินโฮกัดฟันแน่นก่อนจะลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับอีกคนที่ยืนขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจอยู่

            “บ้าเหี้ยไรล่ะวะ!!!” เขาตะโกนใส่หน้าแทฮยอนเสียงดังจนอีกฝ่ายสะดุ้งตกใจแต่ก็กลับมาวางท่าได้เหมือนเดิม “เมื่อกี้นี้จะปล้ำกับมันอยู่แล้ว นัมแหละเป็นเหี้ยไร!!!” มินโฮชี้ไปที่จุนฮเวที่เพิ่งจะพยุงให้ตัวเองลุกขึ้นมานั่งได้ “แล้วเนี่ย รอยเหี้ยอะไร รอยเหี้ยอะไรมันทำไว้” พูดจบก็ใช้นิ้วจิ้มไปที่รอยแดงๆ ที่จุนฮเวเพิ่งทำไปหลายๆ ครั้งแรงๆ จนตัวของแทฮยอนเซไปข้างหลังนิดนึง แทฮยอนปัดมือมินโฮให้ออกไป

            “เป็นอะไร? ทีเห็นตอนแรกๆ ไม่เห็นจะแคร์อะไรนัมเลยนี่ คราวนี้เป็นอะไร?” แทฮยอนมองหน้ามินโฮด้วยสีหน้ายั่วโมโหอีกฝ่าย “หวงก้างเหรอ?” ร่างสูงบางเดินไปพยุงจุนฮเวให้ลุกขึ้นยืน มินโฮได้แต่ยืนกำหมัดแน่น ถ้าเขาโดนสะกิดอีกนิดเดียวต้องเผลอลงไม้ลงมือกับแทฮยอนแน่ เพราะเวลาที่มินโฮโกรธนั้นไม่ว่าใครก็กลัวและห้ามไม่ได้จนกว่าจะหายเอง

            “...”

            “เจ็บมากไหมจุนฮเว?”

            “นิดหน่อยครับ ไม่เป็นไร” มินโฮที่ยืนหันหลังให้ทั้งสองคนกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น ก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากห้องไปโดนที่ไม่สนแม้แต่ของที่ตัวเองจะมาเอา แทฮยอนที่เห็นมินโฮเดินออกไปก็มองตามไปอย่างไม่คลาดสายตา เมื่อจุนฮเวเห็นอย่างนั้นจึงสะกิดแขนแทฮยอนให้หันมาสนใจตัวเองแทน “พี่ครับ”

            “ห่ะ..ห้ะ? อะไรเหรอ?” แทฮยอนหันหน้ามาหาจุนฮเวทันที

            “อย่าไปสนใจเขาเลยครับ”

            “ฉันไม่ได้สนใจซะหน่อย ก็แค่จะดูว่าออกไปพ้นจากห้องของฉันรึยังก็เท่านั้นแหละ” แทฮยอนเบะปาก “มานี่ เดี๋ยวจะทำแผลให้ก่อนแล้วกัน”





            ตุ้บ!

            มินโฮทุบพวงมาลัยรถอย่างแรง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาซึงฮุน

            “ว่าไงมึง?”

            “ออกไปแดกเหล้ากับกูหน่อย”

            “กูออกมาเที่ยวกับไอ้ซึงยุนว่ะ ว่าจะชวนมึงแล้วเมื่อคืนกูโทรหามึงไม่ติด มึงเป็นไรป่ะ?”

            ติ้ด!

            มินโฮกดวางสายโทรศัพท์ก่อนจะขับรถออกจากคอนโดฯ ไปเรื่อยๆ เมื่อขับไปเรื่อยมาราวๆ สามสิบนาทีจึงจอดรถที่ร้านเหล้าร้านหนึ่ง

            กูไม่ไปแม่งล่ะ มหาลัยเหี้ยไร มีแต่เรื่องให้เสียสุขภาพจิตตั้งแต่เช้า

            มินโฮเดินเข้าไปในร้านเหล้าด้วยใบหน้าฟกช้ำและเสื้อผ้าไม่เรียบร้อย อยู่ๆ คนที่ยืนอยู่ที่เคาท์เตอร์ก็เดินออกมาหามินโฮ

            “เฮ้ย ไอ้มิโนมึงไปต่อยกับใครมา” ตอนนี้มินโฮไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนแล้วเขาจึงมาที่ร้านเหล้าของคนรู้จัก อูจีโฮรุ่นพี่รุ่นน้องของซึงยุนที่หน้าเหมือนกันอย่างกับแกะ ถ้าไม่บอกว่าเป็นญาติกันก็คงคิดว่าเป็นพี่น้องกันจริงๆ “วันนี้ไอ้ซึงยุนมันออกไปเที่ยวกับซึงฮุนอ่ะ มึงไม่ไปเหรอวะ?” มินโฮส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินไปนั่งที่หน้าเคาท์เตอร์ที่ปราศจากคน เนื่องจากจีโฮมักจะเปิดร้านในช่วงเย็นจึงไม่มีลูกค้าสักคน

            “เฮนเนสซี่คอนยัค”

            “บอกกูมาก่อนว่ามึงเป็นอะไรมา?”

            “มึงจะเอาใช่มะ! กูยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่นะ มินโฮเริ่มใช้อารมณ์กับคนที่เป็นรุ่นพี่

            “เฮ้ย มึงใจเย็นๆ ก่อนดิวะ มึงคลั่งจนลืมว่ากูเป็นพี่มึงแล้วรึไง” จีโฮกดไหล่มินโฮให้นั่งลงไปกับเก้าอี้เหมือนเดิมก่อนจะเดินไปหยิบขวดเหล้าสีน้ำตาลสนิมมาให้มินโฮพร้อมกับแก้วหนึ่งใบ มินโฮรินเหล้าใส่แก้วด้วยใบหน้านิ่งเฉยก่อนจะยกมันขึ้นมาดื่มรวดเดียวหมด เขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนเหล้าแทบจะหมดขวด แต่ละแก้วที่ดื่มไปก็เริ่มทำให้มินโฮแสดงสีหน้าไม่ดีออกมายิ่งขึ้น จีโฮเองก็ไม่กล้าพูดอะไรเพราะรู้ว่าเวลาที่มินโฮโกรธน่ากลัวแค่ไหน

            “แค่กๆ” เนื่องจากดื่มเร็วเกินไปทำให้มินโฮนั้นสำลักออกมา

            “ค่อยๆ ดื่มดิวะ ดื่มแล้วทำใจให้เย็นก่อนนะเว้ย” มินโฮไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาหยิบซองบุหรี่ในกระเป๋าขึ้นมาแล้วจุดมันสูบในร้านต่อหน้าจีโฮที่ยืนมองถอนหายใจอยู่ ไม่รู้ว่าน้องคนนี้เป็นอะไรมา แต่คราวนี้ถ้าจะอารมณ์ไม่ดีมาก มินโฮพ่นควันบุหรี่ออกมาจากปากแล้วถอนหายใจออกมาแรง

            “กูต่อยกับชู้เมียกูมา”

            “ห้ะ เมียมึง?”

            “เออ กูไม่ชอบให้ใครมาแย่งของกูถ้ากูไม่ได้อนุญาต”

            “เออน่ามึง ทิ้งๆ ไปเถอะ คนอย่างมึงหาแป๊บเดียวก็ได้แล้วนี่ เห็นเมื่อก่อนมาร้านกูทีไรมาเต๊าะสาวออกไปจากร้านกูทุกทีเลย”

            “กูไม่ได้เจ้าชู้ กูก็แค่ไม่มีอะไรทำ แต่ตอนนี้...” มินโฮเว้นช่วงไว้เพื่อกระดกแก้วเอาเหล้าใส่ปาก “มันไม่เหมือนเมื่อก่อน แล้วกูก็มีอะไรที่ต้องจัดการ ตอนนี้กูก็แค่มาตั้งหลักเท่าแหละ”

            “พยายามเข้าแล้วกัน กูล่ะอยากจะเห็นหน้าเมียมึงจริงๆ เลย”

            “เอาอีกขวด ค่าเหล้าค้างไว้ก่อน ไว้กูอารมณ์ดีๆ แล้วจะมาจ่ายคืน”




            “พี่ท็อป ผมเป็นห่วงมิโน” จียงนั่งก้มหน้าอยู่ข้างๆ ซึงฮยอนที่หน้าโทรทัศน์ ร่างสูงละหน้าจากโทรทัศน์แล้วหันมามองร่างบางที่กำลังลุกลี้ลุกลน “รู้สึกไม่ดีเลย ตอนมิโนโกรธน่ะเขาสามารถทำอะไรก็ได้ แล้วก็ไม่ฟังใครเลย พี่ก็เห็นนี่ แม้กระทั่งผมเขายัง..”

            “คิดมากน่า มิโนเขาโตพอแล้วนะ” ซึงฮยอนบีบจมูกอีกคนไปมาเบาๆ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปจุ้บปากบาง “เชื่อพี่สิ” ซึงฮยอนดึงจียงเข้ามากอดแน่น ร่างบางที่โดนกอดอยู่ยิ้มบางๆ ก่อนจะกอดตอบแน่นแล้วเงยหน้าขึ้นไปหาอีกคน

            “พี่รู้ได้ไง พี่ไม่เคยมีลูกมีเมียเหมือนผมนะ ฮ่ะๆๆ”

            “เห็นแบบนี้ญาติพี่ชอบเอาลูกมาฝากให้พี่เลี้ยงนะ โธ่” จียงขำเบาๆ ให้กับคนตรงหน้าก่อนที่ทั้งสองคนจะจ้องตากันอยู่นานสองนาน ซึงฮยอนค่อยๆ ก้มหน้าลงไปหาอีกฝ่ายด้วยความต้องการ



            “พะ พี่ท็อป มันจะเจ็บไหม? ผมไม่เคยทำแบบนี้เลย” มือบางกำผ้าปูที่นอนขาวเอาไว้แน่นในท่านอนคว่ำสะโพกโก่งขึ้นสูง ร่างสูงที่อยู่ข้างบนจับสะโพกบางเอาไว้แน่น

            “เชื่อพี่สิ มันไม่เจ็บหรอก”

            เขาไม่แน่ใจว่าความรู้สึกมันเหมือนกับตอนที่เขาเคยทำกับภรรยาหรือเปล่า มันอาจจะรู้สึกเจ็บ รู้สึกแปลกๆ หรือรู้สึกดี แต่ในตอนนี้เขาเหมือนยังไม่ค่อยพร้อมดีเท่าไหร่ที่จะให้ซึงฮยอนมาทำแบบนี้ แต่ทำไงได้เมื่อบรรยากาศมันพาไปขนาดนี้แล้วเขาเองก็ไม่มีทางเลือก

            “พี่จะเอาใส่เข้าไปแล้วนะ” จียงกำผ้าปูที่นอนแน่นแล้วหลับตาปี๋ เมื่อรู้สึกถึงของแข็งที่มาสัมผัสกับช่องทางหลังก็รู้สึกหวั่นและเสียความมั่นใจขึ้นมาทันที

            “ดะ เดี๋ยว!” จียงขัดจังหวะอีกคนที่กำลังเหงื่อแตก “ผมกลัว...พี่ท็อป ผมกลัวอ่ะ ผมทำไม่ได้” จียงซุกหน้าลงไปกับหมอนแล้วร้องไห้ออกมา ซึงฮยอนได้แต่มองแผ่นหลังสีขาวเนียนผ่านความมืดที่ปกคลุมไปทั่วห้อง เขายื่นมือไปเปิดโคมไฟก่อนจะจับอีกคนให้หันหน้ามาหาเขา

            “งั้นมองหน้าพี่ไว้นะ” ซึงฮยอนจ้องหน้าจียงที่มีคราบน้ำตา “แล้วก็เอามือทั้งสองข้างกอดพี่ไว้แน่นๆ จะกอดหรือจะบีบจะจิกก็ได้หมด แต่เชื่อพี่ว่ามันจะไม่เจ็บอย่างที่คิด”

            “ผมอาย... มันต้องตลกมากแน่ๆ” ซึงฮยอนส่ายหน้าเบาๆ แล้วจ้องมองเข้าไปในตาคู่สวย จียงเม้มปากก่อนจะเอามือทั้งสองข้างโอบคอร่างสูงเอาไว้แน่น ที่ช่องทางหลังรู้สึกถึงของแข็งขนาดใหญ่ที่มาสัมผัสได้อีกครั้งก่อนมันจะค่อยๆ เข้าไปข้างในทีละนิด จียงสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเปลี่ยนจากกอดเป็นจิกที่ไหล่อีกคนแทน “จะ เจ็บ.. พี่ท็อป” น้ำใสๆ เริ่มไหลรินออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง ถึงจะรู้สึกเจ็บแต่อารมณ์ที่มีอยู่กลับพุ่งพล่าน รู้ตัวอีกทีแกนกายก็เข้าไปจนสุดแล้ว

            “ยังเจ็บอยู่ไหม?”

            “นะ นิดหน่อย”

            “งั้นพี่ขยับนะ” ซึงฮยอนค่อยๆ ขยับสะโพกเข้าออกเบาๆ

            “อ๊า...” เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเสียงครางหวานหูแบบนี้ออกมาจากร่างบาง จียงที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเผลอครางออกมาก็รีบเม้มปากตัวเองเอาไว้แน่น

            “ไม่เห็นต้องเก็บเสียงน่ารักๆ เอาไว้เลยนี่”

            “มะ มันน่าอายนี่.. ฮ่ะ อ๊ะ!” อีกครั้งที่ซึงฮยอนกระแทกแกนกายเข้าออกไม่ทันให้จียงได้ทันตั้งตัว ก่อนจะเพิ่มความเร็วและความแรงจนร่างบางไม่สามารถกลั้นเสียงครางที่ต้องการปลดปล่อยออกมาได้อีกต่อไป ใบหน้าหวานสวยที่ตอนไม่ต่างอะไรกับแมวยั่ว ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ตั้งใจทำหน้าแบบนั้นเลย “อ๊า..อ๊ะๆๆ”



            “อ๊ะๆๆ! ฮะ ฮ้า~” ร่างบางขยับไปตามแรงกระแทกที่ใส่เข้ามาหลายทีนับไม่ถ้วน ร่างสูงที่อยู่ข้างบนก้มหน้าลงมาไซร้ซอกคอขาวแล้วใช้นิ้วบดขยี้ยอดอกที่กำลังตั้งชูชันอยู่ “ฮื้อ.. บ้าจริงๆ ยะ ยังเช้า...อยู่แท้ๆ” มือบางเลื่อนเข้าไปขย้ำกลุ่มผมของอีกคนเบามือ

            “จะตอนไหนมันก็ไม่ได้ต่างกันซะหน่อย” พูดจบแกนกายใหญ่ก็กระแทกเข้าไปอย่างแรงจนร่างบางที่เป็นฝ่ายรับต้องร้องลั่น สะโพกหนาซอยเข้าออกถี่จนร่างบางต้องบิดเร้าตัวด้วยความเสียว น้ำรักสีขาวขุ่นถูกปล่อยออกมาจากแกนกายของร่างบางแล้วตามด้วยร่างสูงข้างบนที่ปลดปล่อยออกมาเช่นกัน

            ตอนนี้มีเพียงแค่เสียงหอบหายใจที่ดังระงมไปทั่วห้องนั่งเล่น

            “ทำไมคราวนี้เหนื่อยเร็วจังเลยล่ะ”

            “แฮ่ก.. มะ ไม่รู้สิ” ร่างสูงไม่ได้สนใจอะไรแต่กลับก้มหน้าลงมาเลียไปตามอกขาวเนียนก่อนจะหยุดอยู่ที่ยอดอกสีสวยที่ยังคงตั้งชูชัน ร่างบางแอ่นอกขึ้นให้กับอีกคน ใบหน้าขึ้นสีจัดกว่าเดิม เสียงครางเล็กๆ น้อยๆ เริ่มมีเล็ดลอดออกมาบ้างอีกครั้ง ซึงฮยอนเริ่มขยับสะโพกอีกครั้ง “พะ พอแล้วพี่ท็อป อ๊ะ พอก่อน!” จียงดันอกอีกคนออกไป

            “ทำไมล่ะ?”

            “วันนี้เหนื่อยแล้ว” เมื่อเห็นอีกฝ่ายพูดแบบนี้ก็ไม่กล้าขัด เขาค่อยๆ ถอนแกนกายออกมาแล้วดึงกางเกงตัวเองขึ้นมาใส่ให้เรียบร้อย

            ตืด...ตืด..

            เสียงโทรศัพท์ที่จียงวางไว้ที่โต๊ะหน้าโทรทัศน์ดังขึ้นเป็นเบอร์ของมินโฮที่โทรเข้ามา

            “ป๊า... โทรหาแทฮยอน.. อึ่ก! ให้มารับ..ผมที่ร้านไอ้พี่โค่หน่อย

            “มิ..มิโน เป็นอะไร? ป๊าไม่มีเบอร์น้องนัมหรอกนะ แล้วโค่คือใคร?”

            “ป๊า...”

            “วะ ว่าไง? นี่แกอยู่ไหนเนี่ย?”

            “ผมอยู่ร้านไอ้พี่โค่... ผม..”

            “มินโฮ..”

            “ผมจะไปฆ่าไอ้ชู้ของน้องนัม ผมเกลียดมันโว้ย!!!” มินโฮตะโกนใส่โทรศัพท์เสียงดังจนจียงต้องเอาโทรศัพท์ออกมาจากหู “อึ่ก.. ป๊าครับ... อย่าลืมไปประกันตัวให้ผมออกมานะ”

            “ไอ้มิโน มึงบ้าเหรอวะ! มึงอยู่ร้านกูเลย มึงห้ามไปไหน” อยู่ๆ ก็มีเสียงคนอื่นดังเข้ามาในสาย

            “ฮัลโหลๆ นั่นใครน่ะ ฉันขอคุยด้วยหน่อยได่ไหม?”

            “ป๊ากูอยากคุยกับมึงว่ะ กูให้โทรศัพท์มึงเลย เอาไปขายต่อก็ได้ อึ่ก.. แต่ตอนนี้กูขอไปฆ่าไอ้เด็กเวรนั่นก่อน”

            “มึงไม่ต้องเลย มึงอยู่นี่เลย กูเดินไปล็อคประตูร้านแม่ง” เสียงในสายหายไปสักพักก่อนจะกลับมา “ฮัลโหลครับ นี่พ่อของมิโนใช่ไหมครับ? ผมเป็นรุ่นพี่ของเขาเองครับ ชื่ออูจีโฮ”

            “จีโฮเหรอ? มิโนเขาเป็นอะไรมา?”

            “เอ่อ ผมก็ยังไม่แน่ใจ แต่เหมือนจะอกหักมั้งครับ”

            “กูไม่ได้อกหักโว้ย!! กูโดนแย่งแฟน ฮือ” เสียงมินโฮกำลังครวญครางเข้ามาในสาย

            “ก็...ประมาณนั้นแหละครับ”

            “แล้วเขาได้ทำความลำบากให้เรารึเปล่า? ฉันต้องขอโทษด้วยนะ”

            “เอ่อ.. มะ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวทางนี้ผมดูแลเอง ผมไม่ให้เขาออกจากที่นี่หรอกครับ คุณพ่อก็สบายใจได้ครับ แค่นี้ก่อนนะครับ” เมื่อสายตัดไปจียงก็ได้แต่ถอนหายใจอยู่อย่างนั้น เข้าไม่แน่ใจเลยว่าคนที่ชื่อจีโฮจะสยบลูกของเขาได้จริงๆ แถมเสียงของมินโฮก็เหมือนกับคนกำลังเมาอีก ถ้าให้เดาก็คงดื่มมาแน่ๆ

            “เขาบอกจะดูมิโนให้นี่ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ”

            “อือ”

            “มิโนไม่ก่อเรื่องหรอก เห็นเราย้ำเขาบ่อยจะตายนี่”

            “รู้สึกไม่ค่อยดีเลย ผมขึ้นไปนอนดีกว่า” จียงลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินขึ้นบันไดไปไม่แม้แต่จะสนใจซึงฮยอนที่นั่งมองอยู่ด้านหลังเลย ถึงอย่างนั้นร่างสูงเองก็เดินตามไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรต่อเช่นกัน






- t a l k -
"มิโนจะทำไงต่อไงแว้..."
เง้ย //-//) กลับมาแล้ว ไม่ได้ดองฟิคนะครับ
ไรท์เป็นคนชอบกั๊กฟิคครับ บ่องตงง55555555 
ขอโทษที่ทำให้รอนะครับ 
คือต้องมีหนูทดลองหลายคนมาลองอ่านฟิคก่อนลงเลยครับ
ส่วนมากก็จะเป็นคนนอกแฟนด้อม 
เพื่อนคัดสรรฟิคที่ดีเพื่อผู้อ่าน(?)
ยังไงก็ฝากฟิค และช่วยคอมเม้นต์ในแท็ก #ฟิคใต้ดินนซ ด้วยนะครับ♥











{ Tags: namsong, yoonwoo, hoonwoo, winner, jinwoo, taehyun,
minho, mino, seungyoon, seunghoon, nc, 20, fiction, fanfic, rate r,
เอ็นซี, นัมซง, ฮุนอู, ยุนอู, 3P. subterranean, ใต้ดิน, ฟิคใต้ดิน }

No comments:

Post a Comment